สารบัญ
เรื่อง
บทที่ 1. สรุปเนื้อหานิทานเรื่องสุพรหมโมกขา หมา 9 หาง
1.1ที่มาและความสำคัญ
1.2ประวัติหนังสือ/ ผู้แต่ง/ ปีที่แต่ง/สำนักพิมพ์
บทที่ 2 วิเคราะห์ ชื่อและเนื้อหาในวรรณกรรมเรื่อง
2.1 ชื่อเรื่องมาจากอะไร
2.2 วิเคราะห์ชื่อเรื่อง
2.3 โครงเรื่อง
2.4 ตัวละคร
2.5 ภาษา
2.6 ฉาก/สถานที่ บทที่ 3 ความโดเด่นของโครงเรื่อง
บทที่ 4 การนำไปประยุกต์ใช้
สรุปส่งท้าย
อินโฟกราฟฟิก
บทที่ 1
สรุปเนื้อหาและที่มาของนิทานพื้นบ้านเรื่องสุพรหมโมกขาหมา
9
หาง
พระโพธิสัตว์เสวยชาติเป็นคนยากจน
พ่อแม่เป็นคนขอทานต้องกำพร้าแม่ตั้งแต่เล็กๆ
พ่อได้เลี้ยงดูสุพรหมโมกขาพร้อมด้วยสุนัขที่มีหางเก้าหางซึ่งเกิดพร้อมกัน (สหชาติ)
ก่อนตายพ่อของสุพรหมโมกขาได้สั่งว่า ถ้าพ่อตายลงให้เอาซากศพของพ่อไปไว้ที่ปลายนา
เมื่อพ่อตายลงสุพรหมโมกขาก็ปฏิบัติตามคำสั่งของพ่อเป็นอย่างดี
ด้วยอานุภาพของความดีพืชผลในไร่นาจึงงอกงามอย่างผิดปกติ
และพระอินทร์ได้ส่งนางไข่ฟ้าให้ลงมาอยู่ในกะโหลกศพ และคอยดูแลบ้านเรือน
ข้าวปลาอาหารเวลาสุพรหมโมกขาไม่อยู่
อยู่ต่อมาสุพรหมโมกขาจึงจับตัวไว้ได้จึงอยู่กินแบบสามีภรรยา
กิตติศัพท์ความงามของนางไข่ฟ้าเลื่องลือไปถึงเจ้าเมืองตุตระนครเจ้าเมืองมีใจพาลและมักมากในกามตัณหาจึงใคร่จะได้นางไข่ฟ้ามาเป็นภรรยา
ดังนั้นจึงท้าพนันกับสุพรหมโมกขาในการต่างๆ มี ชนไก่ ชนวัว ชนช้าง เป็นต้น
แต่ก็แพ้สุพรหมโมกขาทุกครั้งจึงบังคับให้สุพรหมโมกขาไปเอาดอกบัวที่เมืองบาดาลของพญานาค
สุพรหมโมกขาจึงไปตามคำแนะนำของนางไข่ฟ้าผ่านเมือง พญามดง่าม
พญายักษ์แล้วจึงถึงเมืองบาดาลได้ดอกบัวมาพร้อมทั้งลูกสาวของพญาทั้งสามเมืองนั้นด้วย
เมื่อเอาไปถวายเจ้าเมืองแล้วเจ้าเมืองยังอยากได้นางไข่ฟ้าอยู่จึงหาวิธีใหม่
คือให้คนทำกลองขึ้นแล้วเอาเสนาอำมาตย์ผู้ฉลาดเข้าไปอยู่ในนั้นแล้วเอาไปฝากไว้ที่บ้านของสุพรหมโมกขา
เพื่อจะสืบดูว่าอะไรเป็นของต้องห้าม (ขะลำ)ของสุพรหมโมกขาเมื่อรู้แล้วจึงเอากลองกลับมา
แล้วทำอาหารสี่อย่าง คือ ไข่ ไข่มดง่าม เนื้องู และเนื้อหัวใจยักษ์
แล้วบังคับให้สุพรหมโมกขากิน
เมื่อสุพรหมโมกขากินแล้วภรรยาทั้งสี่คนเกิดโรคพยาธิเพราะเป็นของต้องห้าม (ขะลำ)
จึงพากันหนีกลับเมืองของตน นางไข่ฟ้าก็ออกเดินป่าไปโดยสั่งความไว้กับสุนัขเก้าหางนั้นพร้อมแหวนวงหนึ่ง
พอสุพรหมโมกขากลับมาถึงบ้านทราบเรื่องราวทั้งหมดจึงออกติดตามหานางไข่ฟ้า
โดยมีสุนัขเก้าหางเป็นเพื่อนไปถึงแม่น้ำใหญ่แห่งหนึ่ง
พากันว่ายน้ำข้ามโดยสุนัขให้สุพรหมโมกขา จับหางจนกระทั้งหางทั้งเก้านั้นขาดหมด
พอถึงฝั่งแม่น้ำสุนัขก็ตายพอดี สุพรหมโมกขาเดินทางต่อไปจนพบนางไข่ฟ้าที่เมืองอุททุมมัททุวะดี
อยู่ที่นั้นนานพอควร
แล้วกลับมายังเมืองตุตระนครพร้อมด้วยเสนาอำมาตย์ที่เจ้าเมืองอุททุมมัททุวะดีแต่งให้
แต่พอไปถึงเจ้าเมืองตุตระนครทราบเรื่องจึงยกทัพจะมาปราบเกิดรบกัน
เจ้าเมืองตุตระนครตายชาวเมืองจึงยกสุพรหมโมกขาให้เป็นเจ้าเมือง
ต่อมาพร้อมกับอำมาตย์สี่คนปลอมเป็นพ่อค้าออกเที่ยวสั่งสอนไปตามเมืองต่างๆ มีเมือง
เกตุมะวดี หงสาวดี ทันตะนคร คันทิยารัฐ วิเทหราช เป็นต้น
เพื่อให้เจ้าเมืองและประชาชนชาวเมืองตั้งอยู่ในหลักศีลธรรมอันดีงาม
แล้วสุพรหมโมกขาก็กลับมาปกครองเมืองตุตระนครต่อมาจนสิ้นอายุลง
2. ประวัติหนังสือ
2.3 รวบรวมโดยธนิต ตาแก้ว
สุ แปลว่า (ดีงาม) พรหม มาจากคำว่า พรหมวิหา แปลว่า (จิตรอันแผ่กว้างไป)
โมขา มาจากคำว่า โมกข์ แปลว่า (ความหลุดพ้น นิพพาน) สุพรมโมกขา หมา 9 หาง
ชื่อเรื่องมาจากตัวละคร เพราะตัวละครเอกในเรื่อง มีชื่อว่า สุพรหมโมกขา ส่วน 9 หาง เป็นลักษณะของตัวละครที่เป็นหมาซึ่งมี 9 หาง
สุพรหมโมกขา จึงแปลว่า
ความดีงามจะทำให้จิตรแผ่กว้างไปสู่การนิพพาน
ซึ้งการตั่งชื่อตัวละครจะสอดคล้องกันกับเรื่องและการตั่งชื่อเรื่อง
เพราะเรื่องสุพรหมโมกขา เป็นเรื่องราวอดีตชาติของพระพุทธเจ้าก่อนที่จะปรินิพพาน
(ยกตัวอย่างเช่น สุพรหมโมกขามีความอดทนต่อความยากำบาก
อดทนต่อการกลั่นแกล้งของท้าวพรหมทัต)
จะเปิดเรื่องด้วยบทสวดมนต์ เริ่มด้วย นโม 3จบ
แล้วต่อด้วยบทสวดของพระโพธิสัตว์
1. พระพุทธเจ้าเสวยชาติเกิดเป็นสุพรหมโมกขา
2 สุพรหมโมกขาเกิดได้ 7 วัน แม่ก็ตาย
3. พ่อเลี้ยงดู สุพรหมโมกขา และหมา 9 หาง
จนอายุครบ 15 ปี
4.พ่อก็ได้เสียชีวิตลง แล้วสั่งให้เอาศพไปทิ้งป่าช้า แล้วให้เอาเชือกผูกกระโหลกศีรษะลากไปทั่วพื้นดิน
จะเกิดพืชไล่ขึ้น
5.พระอินทร์ส่งนางไข่ฟ้าลงมาช่วยเหลือสุพรหมโมกขา
6.ท้าวพรหมทัตทราบข่าวจึงอยากได้นางไข่ฟ้ามาเป็นมเหสี
จึงหากลอุบายเพื่อกำจัดสุพรมโมกขา
7.ท้าวพรมทัตสั่งให้สุพรหมโมกขาไปเอาดอกบัวหอที่เมืองพญานาค
8.ระหว่างเดินทางสุพรหมโมกขาได้ดอกบัวหอมกลับมาพร้อมภรรยาอีกสามคน
9.ท้าวพรมทัตเกิดอุบายให้สุพรหมโมกขากินของต้องห้าม
ปม
10.สุพรหมโมกขากินของต้องห้าม ไข่ เนื้องู
เนื้อยักษ์ ไข่มดง่าม ทำให้ภรรยาทั้งสี่คนเจ็บปวดทรมานจนหนีกลับเมืองของตน
11.นางไข่ฟ้าฝากความไว้กับหมา 9 หาง
12.สุพรหมโมกขาทราบเรื่องจึงออกเดินทางตามหานางไข่ฟ้าพร้อมกับหมา 9 หาง
13. ระหว่างทางหมา 9 หาง ก็ได้ตายลง เนื่องจากสละหาง เพื่อช่วยให้สุพรหมโมกขาข้ามแม่น้ำทั้ง 9 สาย
14.พระฤาษีได้บอกสุพรหมโมขาว่านางไข่ฟ้าอยู่ที่เมือง
อุทุมพันธุมติ
15. ทั้งคู่ได้พบกันและได้แต่งงานกัน
16. ทั้งคู่กลับมาที่ไร่ของตน
แล้วทำการศึกกับท้าวพรมทัต โดยมีภรรยาทั้ง 4 มาช่วยทำศึก
ดำเนินเรื่อง
ดำเนินเรื่อง
17. ท้าวพรมทัตสิ้นพระชนม์ลง
สุพรหมโมกขาขึ้นครงราชแทน
18. สุพรหมโมกขาครองเมืองด้วยทศพิศราชธรรม
พร้อมมเหสีทั้ง 5 คน
ปม
ปม
19. มเหสีคนที่สองแอบคบชู้กับคนเลี้ยงม้า
สุพรหมโมกขาจึงเกิดความเบื่อหน่าย จึงเสด็จออกประพาสป่าคลายปม
20.สุพรหมโมกขาจึงเกิดความเบื่อหน่าย
จึงเสด็จออกประพาสป่า ระหว่างการเดินทางก็ได้โปรดสัตว์
ตลอดทาง
จบเรื่องโดยสุขนาฏกรรม
1.5 ภาษาและอัตลักษณ์ที่ใช้ในการแต่ง
คำกลอนอีสาน
ฉากที่ 3. กระท่อมในไร่
สุพรหมโมกขาพบนางไข่ฟ้าจึงตกหลุมรัก
ฉากที่ 8. เมืองยักษ์ พระธิดาชื่อจันทิมสุภาคาถูกไม้ข่วนตา
ทำให้ตาบอด สุพรหมโมกขาพบเข้าจึงนำยาวิเศษรักษาจนหาย
พระราชาเมืองยักษ์จึงยกนางจันทิมสุภาคาให้เป็นชายา
ฉากที่
ฉากที่ 9 เมืองยักษ์
มียักษ์ตนหนึ่งจับงูใหญ่ตัวหนึ่งได้ สุพรหมโมกขาสงสารจึงซื้อไว้
งูตัวนั้นคือธิดาของพระญานาค เมื่อพญานาครู้ข่าวจึงของธิดากลับไปรักษาตัว
ฉากที่
ฉากที่ 10. เมืองนาค
สุพรหมโมกขาเห็นข่าวประกาศว่าใครสามารถรักษา ธิดาของพญานาคจากอาการบาดเจ็บได้จะให้รางวัลอย่างงาม
สุพรหมโมกขาทราบข่าวจึงขอรักษา นางจันทกิติ ธิดาของพญานาค จนหายดี
พญานาคจึงยกธิดาให้เป็นชายา และมอบดอกบัวหอมประจำเมืองนาคให้ด้วย
จากนั้นสุพรหมโมกขาก็กลับมาพร้อมกับภรรยาทั้งสามคน
ฉากที่ 16 อาศรมของพระฤาษี พระฤาษีบอกว่านางไข่ฟ้าอยู่ที่เมืองอุทุมพันธุมติ
ฉากที่ 19 .เมืองมาตุลนคร สุพรหมโมกขาขึ้นครองราชด้วยทศพิธราชธรรม
นำความเจริญและร่มเย็นสู่บ้านเมืองเป็นที่ยิ่งเพียงแต่พระเทวีทั้งสี่ไม่มีราชบุตรหรือพระธิดาเลย
จึงรับเอานางจันทเทวีมเหสีเทวีของท้าวพรหมทัตต์มาเป็นนางเทวีอีกนางหนึ่ง
ต่อมาไม่นานมเหสีเทวีองค์ที่ห้านี้ก็มีราชโอรส ให้ชื่อว่า “พรหมวัตติกุมาร”
1. ที่มาของหนังสือ
สุพรหมโมกขา หมา 9 หาง นับเป็นหนังสือที่เป็นวรรณกรรมสำคัญและเป็นที่นิยมสืบทอดกันมาจากบรรพบุรุษใน
สมัยโบราณกาล ได้มีผู้แต่งเรียบเรียง จารึกลงในใบลานอักษรธรรม ๙ ผูก
วัดโขงเจียมปุราณวาส ต.นาแวง อ.เขมราฐ จ. อุบลราชธานี มีลักษณะแต่งเป็นคำกลอนอีสาน
เรื่องสุพรหมโมกขา นายธนิต ตาแก้ว ได้นำมาเรียบเรียงในหนังสือ
รวมนิทานธรรม สำนวนที่แต่งเป็นเป็นคำกลอนภาคอีสาน เทศน์ได้ อ่านได้ เข้าใจง่าย
โดยจะขึ้นต้นด้วยบทสวด นโม 3 (จบ) ตามด้วยบทสวด สุตตุต อะตีตาวะจะนันติ กาเล โพธิสัตโต สุพรหมโมกโข นานะ
อะตะมะระคะรัง นิสสาย วิหะรันโต ทะลิททะกะชาโต หุตตะวา พราหมะณะกุ อะโหสีติ ตามด้วยคำลอนอีสานใช้ในการเล่าเรื่อง
2.1 ยุคสมัยที่แต่ง ไม่ปรากฎ
2.2 ผู้แต่ง ไม่ปรากฏชื่อผู้แต่ง
2.4 ต้นฉบับ ปริวัติมาจากใบลานอักษรธรรม
๙ ผูก วัดโขงเจียมปุราณวาส ต.นาแวง อ.เขมราฐ จ. อุบลราชธานี
2.5 สำนักพิมพ์ ส. ธรรมภักดี
2.6 ปีที่พิมพ์ ไม่ปรากฏ
บทที่ 2
วิเคราะห์ ชื่อและเนื้อหาในวรรณกรรมเรื่องสังข์ศิลป์ชัย
1. เนื้อเรื่อง1.1ชื่อเรื่อง
วิเคราะห์ชื่อเรื่อง
1.2 แก่นเรื่อง
การเป็นผู้มีขันติ
จะทำให้เราต่อสู้กับปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ได้
1.3โครงเรื่อง
เปิดเรื่อง
การดำเนินเรื่อง
คลายปม
21. เมื่อครบ 1 ปี
สุพรหมโมกขาก็ได้เสด็จกลับมาเมืองของตน โดยมีมเหสีเอกเป็นฝ่ายต้อนรับ
3.5จบเรื่อง
1.4
ตัวละคร
22. สุพรหมโมกขาสละราชบัลลังก์ให้โอรส
แล้วสมทานตลอดชีวิตพร้อมกับมเหสีทั้ง 4
1. สุพรหมโมกขา
เป็นตัวละครหลักในเรื่องและเป็นตัวเอก เกิดมาแม่ตาย
ครอบครัวมีฐานะอยากจนพ่อต้องไปขอทานมาเลี้ยง
2. หมา 9 หาง สนุขที่มีลักษณะวิเศษคือ มีหางอยู่ 9 หาง สามารถพูดได้
3. นางจันทิมพรหมา หรือนางไข่ฟ้า เป็นตัวละครหลัก
หรือเป็นตัวนาง นางจันทิมพรหมา เป็นธิดาของพระอินทร์ที่ส่งลงมาช่วยเหลือสุพรหมโมกขา
มีพลังวิเศษสามารถเสกข้าวของเครื่องใช้ได้
4. พระราชาพรหมทัต เป็นพระราชาที่มีแต่ตัณหา
ทำผิดศีล กลั่นแกล้งประชาชน
5. นางจันทิมกุฏฐี เป็นธิดาของพญามดง่าม และเป็นชายาคนที่
2
ของสุพรหมโมกขา
6. พระธิดาชื่อจันทิมสุภาคา เป็นธิดาของพระราชาเมืองยักษ์
และเป็นชายาคนที่ 3
ของสุพรหมโมกขา
7. จันทกิติ เป็นธิดาของพญานาค และเป็นชายาคนที่ 4 ของสุพรหมโมกขา
8. พระฤาษี เป็นฤาษีที่อาศัยอยู่ในป่ารักษาศีล
9. พระราชาเมืองอุทุมพันธุมติ
เป็นพระราชาที่ครองเมืองอุทุมพันธุมติ รับนางไข่ฟ้าเป็นธิดา
10อามาตย์.มหาพลัง อามาตย์ที่ติดตามสุพรหมโมกขาออกประพาสป่าเพื่อโปรดสัตว์
11.อามาตย์วัฑฒกี
อามาตย์ที่ติดตามสุพรหมโมกขาออกประพาสป่าเพื่อโปรดสัตว์
12.อามาตย์สุกธนา
อามาตย์ที่ติดตามสุพรหมโมกขาออกประพาสป่าเพื่อโปรดสัตว์
13.อามาตย์คนที่ 4 ไม่ปรากฏชื่อ
อามาตย์ที่ติดตามสุพรหมโมกขาออกประพาสป่าเพื่อโปรดสัตว์
1.6 ฉากและสถานที่
ฉากที่ 1. ไร่นา เมื่อพ่อตาย
สุพรหมโมกขาได้นำกะโหลกของพ่อผูกกับเชือกแล้วลากไปทั่วไร ทำให้เกิดพืชไรขึ้น
ฉากที่ 2. ไร่กลางนา
สุพรหมโมกขาเห็นไข่ที่พระอินทร์เนรมิตลงมา จึงนำกลับมาที่บ้านของตน
ฉากที่ 4. ที่พระราชวัง ข่าวไปถึงหูพระราชาพรหมทัต
ว่ามีนางที่มีรูปโฉมงดงามราวกับนางฟ้าอาศัยอยู่ในไร่นา จึงอยากได้มาเป็นมเหสี
ฉากที่ 5.ที่พระราชวัง พระราชาพรหมทัต
เรียกตัว สุพรหมโมกขาเข้าเฝ้า เพื่อหาทางกลั่นแกล้งต่าง ๆนา ๆถ้าชนไก่ ชนม้า
ชนช้าง และสั่งให้สุพรหมโมกขา ไปนำดอกบัวหอมในเมืองบาดาลมาถวาย ถ้านำมาไม่ได้ จะเอานางไข่ฟ้ามาเป็นมเหสี
ฉากที่ 6. ที่สระนิลุบ สุพรหมโมกขาพบงูใหญ่นอนตาย จึงนำยาวิเศษซุบชีวิต งูนั้นสำนึกบุญคุณ
จึงพาไปหาดอกหัวหอม
ฉากที่ 7. เมือผุฏฐิริทาหรือเมืองมดง่าม
ธิดาพญามดง่ามเสวยอาหารเป็นพิษ สุพรหมโมกขานำยาวิเศษรักษาทำให้พญามดง่าม
ยกธิดาให้เป็นชายา
ฉากที่ 11.กระท่อมกลางไร่นา ฝ่ายนางจันทิมพรหมาซึ่งอยู่ที่ไร่นานเกือบหกเดือนนั้น
ก็ได้เนรมิตบ้านงามขึ้นอีกสามหลังเพื่อพระธิดาทั้งสาม
แล้วพาหมาเก้าหางไปรอรับสามีอยู่ที่ประตูไร่
เมื่อบุคคลทั้งห้าได้สนทนาถูกใจกันแล้วก็ได้แยกย้ายกันอาศัยอยู่ในบ้านที่เนรมิตขึ้นนั้น
ฉากที่ 12.ที่ราชวัง สุพรหมโมกขาได้นำดอกบัวหอมไปถวายพระราชาพรหมทัต
ฝ่ายพระราชาไม่ยอมแพ้จึงหาวิธกลั่นแกล้งสารพัด
ฉากที่ 13. กระท่อมกลางไร่
พระราชาได้ให้คนในกลองโดยให้เสนาอำมาตอยู่ข้างใน
เพื่อดักฟังสุพรหมโมกขากับภรรยาทั้ง 4 คุยกันเรื่องของต้องห้าม
ฉากที่ 14.พระราชวัง
พระราชานำของต้องห้ามให้สุพรหมโมกขารับประทาน ภรรยาทั้งสี่หนีไป
นางไข่ฟ้าได้ฝากความไว้กับหมา 9 หาง
ฉากที่ 15. แม่น้ำทั้งเก้าแห่ง
หมา 9 หาง ตาย
ฉากที่ 17. เมืองอุทุมพันธุมติ
พระราชาเมืองอุทุมพันธุมติ ได้จัดการอภิเษกสุพรหมโมกขาและนางไข่ฟ้า และ
ให้ขึ้นครองราชย์สมบัติในเมือง
ฉากที่ 18.
มืองมาตุลนคร เกิดการทำสงครามขึ้นระหว่างพระราชาพรหมทัต
กับสุพรหมโมกขา พระราชาพรหมทัตสิ้นพระชนน์ สุพรหมโมกขาขึ้นครองเมืองแทน
ฉากที่ 20. เมืองมาตุลนคร นางจันทิมกุฏฐีธิดาพญามดง่ามได้เป็นชู้กับคนเกี่ยวหญ้าเลี้ยงม้าในวังหลวง
แล้วก็เกิดการนินทาขึ้นทั่วไป
ทำให้พระโพธิสัตว์เกิดเบื่อหน่ายจึงฝากเมืองไว้กับพระอัครมเหสีและอามาตย์แล้วเลือกอามาตย์สี่นาย
ฉากที่ 21. เมืองทันตปุรนค
สถานที่โปรดสัตว์
ฉากที่ 22 เมืองคันธิยรัฏฐนคร
สถานที่โปรดสัตว์
ฉากที่ 23 เมืองเกตุมดี สถานที่โปรดสัตว์
ฉากที่ 24. เมืองมาตุลนคร สุพรหมโมกขาสละราชบัลก์ลังให้โอรส
ตนและพระเทวีก็สมาทานศีลเจริญภาวนาไปจนตราบอายุขัยสุดสิ้น
บทที่ 3
ความโดดเด่น
การใช้ภาษา
เรื่องสุพรหมโมกขา หมา 9 หางมีความโดดเด่นเรื่องการใช้ภาษา
คือการประพันธ์เป็นร้อยกรอง โดยใช้ลักษณะคำประพันธุ์คือ คำกลอนอีสาน
โดยจะขึ้นต้นด้วยบทสวด นโม 3 (จบ) ตามด้วยบทสวด
สุตตุต อะตีตาวะจะนันติ กาเล โพธิสัตโต สุพรหมโมกโข นานะ อะตะมะระคะรัง นิสสาย
วิหะรันโต ทะลิททะกะชาโต หุตตะวา พราหมะณะกุ อะโหสีติ ตามด้วยคำลอนอีสานใช้ในการเล่าเรื่อง
เนื้อเรื่อง
เรื่องสุพรหมโมกขะหมา 9 หาง จะมีความโดดเด่นในเนื่องเรื่องนี้
เพราะเป็นนิบาตนอกชาดก แต่ก็เป็นเรื่องในอดีตชาติขององค์พระศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าเหมือนกัน
โดยเรื่องนี้ให้ข้อคิดและสัจธรรมมากมาย เช่น
การบำเพ็ญบารมีต่อสู้กับปัญหาและอุปสรรคโดยเฉพาะกับศัตรูคือ “พญามาร”และ “เหล่าเสนามาร”ทั้งหลาย การเป็นผู้มีความกตัญญูต่อบุพการี การเป็นผู้มีศีล(เช่น
ไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ไม่ผิดลูกเมียคนอื่น เป็นต้น) การเป็นผู้มีขันติ(ความอดทน)
เป็นต้น
ตัวละครมีลักษณะพิเศษ
เรื่องสุพรหมโมกขา หมา 9 หาง มีความโดดเด่นอีกอย่างหนึ่งคือ
ตัวละครมีลักษณะพิเศษ อย่างเช่น หมา 9 หาง
สุนัขมีลักษณะแตกต่างจากสนุขตัวอื่น ๆ คือมีทั้งหมด 9 หาง
ตัวละครอีกตัว คือนางไข่ฟ้า นางไข่ฟ้าเป็นนางฟ้าจากสวรรค์ที่พระอินทร์
ส่งลงมาช่วยเหลือสุพรหมโมกขา นางไข่ฟ้าจะมีพลังวิเศษที่คอยใช้ช่วยเหลือสุพรหมโมกขา
และนอกจากนี้ยังมีตัวละครอื่นอีก อย่างเช่น ธิดาของพญามดง่าม ธิดาของพญานาค เป็นต้น
บทที่ ๔
การนำไปประยุกต์ใช้
การนำนิทานพื้นบ้านเรื่องสุพรหมโมกขา หมา 9 หางไปประยุกต์ใช้มีรูปแบบต่างๆ
มีดังนี้
-นิทานคำกลอน เพื่อให้ข้อคิดและสัจธรรม
-ท่าฟ้อนรำ
-กลอนรำ
บทสรุปปิดท้าย
ภาพอิโฟกราฟฟิค